ได้ยินคำนี้แล้วอย่าพึ่งตกใจกันไปว่ามันคืออะไรอยู่ตรงไหนเราจะดูเป็นมั๊ย เพราะเอาจริงๆ แล้วมันง่ายมาก และยางรถยนต์ทุกเส้นมีตัวบอกสภาพดอกยางอยู่แล้ว ซึ่งจะอยู่ที่ร่องตรงกลางของยางมีลักษณะเป็นสันนูนคล้ายสะพานที่เชื่อมร่องดอกยางให้ติดกัน (ดูได้จากรูปภาพประกอบ) ซึ่งถ้าดอกยางของเรานั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับตัวสะพานยางแล้วตอบได้ทันทีว่าถึงเวลาแล้วที่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์
แก้มยางแตก, มีรอยร้าว
แก้มยางแตก, มีรอยร้าว : ข้อนี้สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่าของตัวเอง พยายามหมั่นตรวจสอบกันอยู่เสมอนะครับ ถ้าหากพบเห็นรอยแตกหรือร้าว ต้องรีบเปลี่ยนยางรถยนต์โดยด่วน เพราะอาจเป็นสาเหตุให้ยางระเบิดได้ เมื่อขับรถด้วยความเร็ว
ยางบวม
ยางบวม : ถ้าหากตรวจพบว่ายางรถยนต์มีลักษณะ บวม ปูด นูน ออกมาจากปกติ ต้องรีบเปลี่ยนยางโดยทันที เพราะอาการนี้ อาจทำให้ยางระเบิดได้
โดยทั่วไปยางรถยนต์ที่ใหม่ หน้ายางจะนิ่ม จะเบรกหรือเข้าโค้งได้ดี แต่หน้ายางหมดอายุ หน้ายางจะเริ่มแข็ง เบรกเริ่มมีเสียงดัง และระยะเบรกไม่ดีเหมือนเคย อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้ วิธีการตรวจเช็คโดยง่ายก็คือ ใช้เล็บมือลองจิกลงบนหน้ายาง ถ้าหากว่าจิกลงไปแล้ว ไม่ทิ้งรอยเล็บ แสดงว่าหน้ายางหมดอายุแล้ว คุณอาจต้องเปลี่ยนยางใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
ทำความเข้าใจกันก่อนว่า อายุของยางนั้นดูได้จากไหน ง่ายมากครับ ให้ทุกคนลองสังเกตุบนแก้มยาง ค้นหาวงรีที่มีเลข 4 หลักอยู่ด้านใน (ดั่งรูปภาพประกอบ) ซึ่งตัวเลข 4 ตัวนี้ มีความหมายคือ 2 หลักแรก บอกถึงสัปดาห์ที่ผลิตในปีนั้น (1 ปีมี 52 สัปดาห์) และเลข 2 หลักถัดมา บอกปี คศ. ที่ผลิต(ดั่งตัวอย่างในภาพคือเลข 1315 หมายความว่า ผลิตเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ 13 ของปี 2015 หรือประมาณช่วงต้นเดือนเมษายน 2015 นั่นเอง )
โดยทั่วไปนั้นยางรถยนต์มีอายุการใช้งาน 5 ปี นั้นหมายความว่าคุณควรตัดสินใจเปลี่ยนยางใหม่ ในเดือนเมษายน ค.ศ.2020 นั่นเอง
โดยปกติทั่วไปแล้ว เมื่อยางรถยนต์เกิดรั่ว ซึม ส่วนใหญ่นั้น มักจะวิ่งเข้าไปหาร้านปะยางกันแทบทั้งนั้น เพราะราคาถูกกว่าการเปลี่ยนยางรถยนต์ทั้งเส้น แต่อย่าเข้าใจผิดนะครับ ว่าการปะยางรถยนต์จะใช้ได้กับทุกบาดแผลหรือทุกกรณีไป เพราะการปะยางนั้น ควรทำกับบาดแผลเล็กๆ ที่เกิดรอยรั่วไม่เกิน 0.6 มิลลิเมตร และเกิดขึ้นบริเวณหน้ายางเท่านั้น โดยแผลนั้น ต้องไม่ไปทำลายโครงสร้างยางภายใน ซึ่งตรงส่วนนี้อาจจะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าจากภายนอก อาจจะต้องถอดยางออกมาดูท้องยางภายใน แต่มีหลักในการสังเกตเบื้องต้นคือ เมื่อขับรถด้วยความเร็วประมาณหนึ่งแล้ว มีอาการพวงมาลัยสั่นผิดปกติไปจากเดิม แม้จะทำการถ่วงล้อมาเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ส่วนบริเวณแก้มยางไม่แนะนำให้ปะ เพราะความแข็งแรงของวัสดุที่มาใช้ในการปะนั้น ไม่สามารถยึดเหนี่ยวได้อย่างแข็งแรง และอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการระเบิดของยางรถยนต์ได้
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว อย่าลืมกลับไปตรวจสอบหรือเฝ้าสังเกตยางรถยนต์ของคุณกันด้วยนะครับ “กันไว้ ดีกว่าแก้” ด้วยความปรารถนาดีจาก LENSO TIRES ครับ